วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

คู่มือการใช้ Microsoft Excel 2007

Microsoft Excel 2007
ทำความรู้จักหน้าตาของ Microsoft Excel 2007
หน้าตาและส่วนประกอบที่หน้าสนใจ ซึ่งเชื่อว่าจะทำ ให้เพื่อนๆ สามารถ
เรียนรู้และเข้าในการใช้งาน Microsoft Excel 2007 ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อย่าช้าเลยค่ะมาดูรายละเอียดต่างๆ กันเลยดีกว่า
ทำ ความรู้จักส่วนประกอบใน Microsoft Excel
Office Button
ปุ่มสา หรับการเข้าถึงเมนูพื้นฐานต่างๆ เช่น เช่น New, Open Save, Close เป็นต้น
Quick Access Toolbar
เป็น Toolbar เล็กๆ ที่อยู่ด้านบนตลอด เราสามารถเพิ่มเติมไอคอนที่เราใช้งานบ่อยๆ ได้ด้วย
Ribbon
เป็นชื่อใหม่แทนการเรียก Toolbar เดิม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มพื้นที่ในการแสดงไอคอนต่างๆ ได้มากขึ้น
ตัวอย่างเช่น แท็ป Home เมื่อคลิกแล้ว จะเป็นไอคอนที่แสดงภายใต้คา สั่ง Home ทั้งหมด เป็นต้น
Formula Bar
ตำแหน่งที่แสดงสูตร หรือค่าของข้อมูลใน เซลนั้นๆ
Cell
หมายถึง ตำแหน่งของข้อมูล เป็นจุดตัดของ Row และ Column การเรียกชื่อ จะเป็นการเรียกชื่อจาก
Column และ Row ตามลา ดับ เช่น A1, B1 เป็นต้น
Mini toolbar เป็นคำสั่งลัดที่จะแสดงให้ ก็ต่อเมื่อคลิกขวาที่บริเวณใดๆ บนหน้าจอ Worksheet กระดาษทำการ สำหรับบันทึกข้อมูลต่างๆ ใน Microsoft Excel ไฟล์หนึ่งๆ สามารถมีหลายๆWorksheet ได้ เราอาจเรียกหลายๆ Worksheet รวมกันว่า Workbook
ใส่ตัวเลขอัตโนมัติใน Microsoft Excel
คำสั่งใน Microsoft Excel คา สั่งนี้ ไม่ได้เป็นคา สั่งใหม่ แต่มีมานานแล้วในทุกๆ เวอร์ชั่น
(เท่าที่จา ได้) แต่สา หรับมือใหม่หลายๆ อาจยังไม่คุ้นเคยคา สั่งนี้ ยังไงก็ตาม ไหนๆ ก็เขียนแล้วมาดู

วิธีการใส่ตัวเลขแบบเรียงอัตโนมัติ
1. เริ่มต้นเปิดโปรแกรม Microsoft Excel
2. ใส่หมายเลข 1 ในช่องแรก (ตา แหน่งไหนใน sheet ก็ได้)
3. ใส่หมายเลข 2 ในช่องด้านล่าง
4. คลิกจากจากเลข 1 มายังเลข 2
5. จะพบปุ่มสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่มุมขวาล่าง
6. ให้คลิกปุ่มนั้น และลากลงมา (ประมาณ 8 ช่องดังภาพตัวอย่าง)
7. จากนั้นปล่อยเมาส์
8. ผลลัพธ์ที่ได้จะได้ตัวเลข 3-10 ตามลา ดับ

การประยุกต์ไปใช้งานคาสั่งอื่นๆ
ถ้าคุณใส่หมายเลข 1 และ 3 เรียงกัน และลากตามคา สั่งด้านบน จะได้หมายเลข 5,7,9,11,13..
ตามลา ดับ
ถ้าใส่ตำแหน่งแรกเป็น jan, feb และลากตามคา สั่งด้านบน จะได้ mar, apr, may.. ตามลา ดับ
ถ้าใส่ตำแหน่งแรกเป็น mon, tue และลากตามคา สั่งด้านบน จะได้ wed, thu,fri.. ตามลา ดับ
เครื่องมือสำเร็จรูปในการตกแต่งตาราง
Microsoft Excel 2007 ได้เตรียมรูปแบบของการตกแต่งตารางไว้มากมาย ที่เรียกว่า "Format as
Table" เราสามารถคลิกเลือกเพื่อตกแต่ง sheet ของเราได้อัตโนมัติ เพียงคลิกเดียว
  
วิธีตกแต่งตารางด้วยรูปแบบสาเร็จรูป
1. เปิดเอกสาร Excel
2. บันทึกข้อมูลลงตาราง
3. คลุมข้อมูลที่ต้องการตกแต่ง
4. ที่แท็ป Home
5. เลือก Format as Table
6. เลือกรูปแบบที่ต้องการ

การตกแต่ง Excel 2007 ด้วย Themes
นอกเหนือจากการสร้างและตกแต่งตารางด้วย "Format as Table" แล้ว Excel 2007 ยังไม่เตรียม
เครื่องมือในการปรับแต่งตาราง สีสัน รูปแบบตัวอักษรให้ด้วย เราเรียกเครื่องมือเหล่านี้ว่า "Themes"
Theme คืออะไร
Theme เป็นคาeสั่งที่อยู่ภายใต้แท็ป "Page Layout" ซึ่งรูปแบบของ Theme สามารถเลือกจาก
คอมพิวเตอร์ของเราได้โดยตรง หรือถ้าต้องการรูปแบบเพิ่มเติม สามารถเข้าไป download ออนไลน์
โดยตรงได้จากเว็บไซต์ Microsoft http://office.microsoft.com
วิธีเลือกตกแต่งเอกสารด้วย Themes
1. สร้างเอกสารตารางด้วย Excel 2007
2. คลิกเลือกคลุมเอกสาร
3. จากนั้นตกแต่งเอกสารด้วย "Format as Table" ก่อน
4. จากนั้นถ้าต้องการเปลี่ยนรูปแบบใหม่ หรือ "Themes"
5. ให้คลิกแท็ปเมนู Page Layout
6. ที่ด้านหน้าคา สั่ง ให้คลิกเลือก Themes จะเห็นรูปแบบสำเร็จรูปให้เลือก
7. คลิกเลือกรูปแบบใดๆ ก็ได้ตามต้องการถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงสีสัน หรือตัวอักษร เราสามารถคลิกเลือก คา สั่ง Fonts หรือ Colorsทางด้านขวามือของคา สั่ง Themes ได้ตามต้องการอีกด้วย
ทิป พิมพ์หลาย sheet ในครั้งเดียว Excelปกติเวลาทา งานกับไฟล์ Excel บางครั้งในหนึ่งไฟล์ จะมีหลายๆ sheet ที่เราทา งานอยู่ เวลาสั่งพิมพ์เราจา เป็นจะต้องเลือกทีละหน้า จึงได้งานทุกๆ หน้าที่ต้องการ ในอีกกรณีหนึ่งเราสามารถสั่งพิมพ์ไฟล์อะไรก็ได้ เพียงแค่คลิกขวาที่ไฟล์นั้น ๆ จากนั้นคลิกคา สั่ง Print แค่นี้ไฟล์นั้นจะถูกเปิดและสั่งพิมพ์อัตโนมัติ หลังจากนั้นก็จะปิดแบบอัตโนมัติเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ถ้าสั่งพิมพ์กับเอกสาร Excel ที่มีหลายๆ sheet โปรแกรมก็จะพิมพ์เพียงหน้าที่เราเลือกไว้ หรือที่เรียกว่า Active Sheet เท่านั้น.. แต่ถ้าต้องการพิมพ์ทุก sheet ที่มีอยู่ใน Excel ไฟล์ หรือต้องการพิมพ์บาง Sheet จะทำ อย่างไร

วิธีการสั่งพิมพ์ทุก Sheet ในไฟล์ Excel

1. เปิดเอกสารไฟล์ Excel ที่ต้องพิมพ์
2. คลิกเลือก sheet ที่ต้องการ (ถ้าต้องการมากกว่า หนึ่งให้กด Shift หรือ Ctrl ค้างไว้ จากนั้นคลิกเลือก
sheet ที่ต้องการพิมพ์ทั้งหมด)
3. คลิกคา สั่ง Print โปรแกรมจะสั่งพิมพ์ในทุกๆ หน้าที่เลือก
4. หรือ คลิกเลือก sheet ที่ต้องการทั้งหมด
5. สั่ง Save
6. จากนั้น ให้สั่งพิมพ์ โดยเลือกคลิกขวาไฟล์ Excel ที่เราได้เลือกหลายๆ Sheet ไว้เนื่องจากโดยปกติแล้ว เวลาสั่งคา สั่งพิมพ์ใน Excel โปรแกรมจะพิมพ์ sheet ที่เรากา ลังทา งานอยู่ หรือที่เรียกว่า "Active Sheet" แต่สา หรับการทดสอบใน Excel 2007 จะมีคา สั่ง "Entire Workbook" ซึ่งหมายความว่าถ้าเราเลือกตอนสั่งพิมพ์ เอกสารในทุกๆ sheet จะพิมพ์ออกมาทั้งหมดเช่นกันแก้ปัญหาข้อมูลซ้าๆ ใน Excel 2007สมมุติว่า คุณกา ลังบันทึกข้อมูลลงในตาราง Excel 2007 ซึ่งจะมีข้อมูลมากมาย แต่ปรากฏว่าคุณมีการคีย์ข้อมูลซ้า ลงไป ประมาณว่า "ตาลาย" ซึ่งเกิดจากการใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องมาหลายชั่วโมง แล้วอย่างนี้ถ้าจะมาตรวจสอบว่ารายการใดซ้า กันรายการใด ก็คงต้องใช้เวลานาน และอีกอย่างสายตาก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะ Microsoft เข้าใจดี จึงได้มีคา สั่งในการลบข้อความซ้า ให้
อัตโนมัติ โดยคา สั่งนี้มีชื่อว่า "Remove Duplicates"

วิธีการใช้คาสั่ง Remove Duplicates
1. เปิดงานเอกสาร Excel 2007
2. ให้คลิกเลือกเซลข้อมูลใดๆ ในเอกสาร worksheet
3. คลิกเลือกแท็ปเมนู Data เลือกไอคอน "Remove Duplicates"
4. โปรแกรมจะตรวจสอบ และมีหน้าต่างแสดงให้เลือกว่า จะให้เลือกหัวข้อไหน ที่มีการบันทึกข้อมูล
ซ้า สามารถคลิกเลือกทั้งหมดได้
5. คลิก OK เพื่อยืนยันการลบ
6. โปรแกรมจะแสดงหน้าต่างบอกว่าได้ลบข้อมูลไปจำนวนเท่าไรแปลงตัวเลขเป็นตัวอักษรไทยใน Excel ตัวอย่างเช่น ตัวเลข 1,250 บาท ถ้าแปลเป็นตัวอักษร จะได้ "หนึ่งพันสองร้อยห้าสิบบาท" ซึ่ง
ปกติแล้วในโปรแกรม Microsoft Excel สามารถแปลงค่าตัวเลขให้เราอัตโนมัติได้ด้วย คุณทราบวิธีการใช้งานหรือเปล่า อยากรู้วิธีทา ให้ลองทา ตามทีละขั้นตอนดังนี้ได้เลย

แปลงตัวเลขเป็นตัวอักษร
1. เปิดโปรแกรม Excel และเปิด Worksheet ว่างๆ (ปกติจะเปิดให้อยู่แล้ว)
2. พิมพ์ตัวเลขลงใน Cell ที่ต้องการ เช่น A1 ใส่ตัวเลข 150
3. ใน Cell ที่ต้องการแสดง ให้พิมพ์ข้อความดังนี้ "=BATHTEXT(A1)"
4. จะเห็นว่าใน Cell ตามข้อ 3 จะแสดงข้อความเป็นตัวอักษร "หนึ่งร้อยห้าสิบบาทถ้วน"
คา สั่ง Function "BAHTTEXT นี้จะใช้ได้กับสกุลเงินที่เป็นเงินบาท เท่านั้น และการทดสอบนี้
ใช้กับ Micrsoft Office 2007 สา หรับการแปลงเป็นภาษาคา อังกฤษ จะไม่สามารถทา ได้ค่ะ แต่ต้องใช้เทคนิคอย่างอื่นแทน
การยกเลิกตัวกรอง
เวลาเราสร้างตารางในเอกเซล และมีการตกแต่งเอกสาร ด้วย "Format as Table" คา สั่งจะอยู่ใน
แท็ป "Home" จะทา ให้เราสามารถเลือกรูปแบบตารางสวยๆ ได้แบบอัตโนมัติ แต่หลายๆ คน รวมทั้งฉันด้วย
อาจไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะหลังจากสร้างตกแต่งแล้ว Excel 2007 ก็จะใส่ Filter หรือตัวกรองข้อมูลให้
อัตโนมัติ ซึ่งจะทา ให้เราสะดวกในการค้นหาข้อมูลภายในตารางนั้นๆ อย่างไรก็ตาม Filter ที่แสดงนี้ เวลา
พิมพ์จะไม่พิมพ์ออกมาด้วยค่ะ อันนี้ไม่ต้องห่วง สา หรับวิธีการยกเลิก Filter ก็สามารถทา ได้ง่ายๆ ดังนี้

วิธียกเลิกตัวกรองข้อมูล หรือ Filter
1. คลิกในกลุ่มข้อมูลที่มีการแสดง Filter (เซลไหนก็ได้)
2. คลิกแท็ปเมนู "Home" เลือกหัวข้อ Sort & Filter
3. จากนั้นคลิกเลือก Filter เพื่อทา การยกเลิก
4. แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการให้ตารางข้อมูลมีตัวกรองช่วยก็สามารถทา ตามขั้นตอน ตั้งแต่ข้อ 1 ใหม่อีกครั้ง
การจัดเรียงข้อมูล
เนื่องจากตารางในเอกสารมีความหลากหลายคอลัมภ์ บางครั้ง เราจา เป็นจะต้องมีการจัดเรียง
ข้อมูล เพื่อให้ง่ายและสะดวกในการตรวจสอบ เช่น ข้อมูลใดมีจา นวนผู้อ่านมาที่สุด เรียงไปจนกระทั่งไม่มี
ผู้อ่านเลย เป็นต้น เราสามารถจัดเรียงข้อมูลหรือ Sort จากมากไปหาน้อย หรือจากน้อยไปหามากได้ โดยการ
เลือกหัวข้อใดก่อนว่าจะเป็นหัวข้อหลักในการจัดเรียง

วิธีการจัดเรียงข้อมูลใน Excel 2007
1. เปิดเอกสาร worksheet ใดๆ ที่ต้องการจัดเรียง
2. คลิกที่ตัวกรองด้านบนหรือ Filter (ถ้าตัวกรองไม่แสดง ให้คลิกแท็ปเมนู Home เลือกคา สั่ง Filter)
3. จะมีหน้าต่างคา สั่งลัดแสดงให้เลือกว่าจะ "Sort Smallest to Largest" หรือสลับกัน "Sort Largest to Smallest" ถ้าข้อมูลเป็นตัวเลข
4. แต่ถ้าข้อมูลเป็นตัวอักษร จะมีคา สั่งให้เลือกว่า "Sort A to Z" หรือ "Sort Z to A"
5. คลิกเลือกรูปแบบการเรียงลา ดับตามต้องการ

www.ictc.ago.go.th/download53/train_book2.pdf

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

ดอกไม้ประจำชาติของประเทศสมาชิกอาเซียน

ดอกไม้ประจำชาติของประเทศสมาชิกอาเซียน
ดอกไม้ประจำชาติของบรูไน
                                   

                ดอกไม้ประจำชาติบรูไน ก็คือ ดอกซิมปอร์ (Simpor) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ดอกส้านชะวา (Dillenia) ดอกไม้ประจำท้องถิ่นบรูไน ที่มีกลีบขนาดใหญ่สีเหลือง หากบานเต็มที่แล้วกลีบดอกจะมีลักษณะคล้ายร่ม พบเห็นได้ตามแม่น้ำทั่วไปของบรูไน มีสรรพคุณช่วยรักษาบาดแผล หากใครแวะไปเยือนบรูไน จะพบเห็นได้จากธนบัตรใบละ 1 ดอลลาร์ ของประเทศบรูไน และในงานศิลปะพื้นเมืองอีกด้วย
ดอกไม้ประจำชาติของกัมพูชา
                                   


กัมพูชามีดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกลำดวน (Rumdul) ดอกไม้สีขาวปนเหลืองนวล กลีบดอกหนาทึบและแข็งเล็กน้อย มีกลิ่นหอมเย็นแบบกรุ่น ๆ ถูกจัดเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งเพราะมีความหมายถึงความสดชื่นหอมกรุ่น และเป็นดอกไม้สำหรับสุภาพสตรี วิธีปลูกที่ถูกต้อง ต้องปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้าน ที่สำคัญต้องปลูกในวันพุธ ด้วยนะ
ดอกไม้ประจำชาติของอินโดนีเซีย
                                   


ดอกไม้ประจำชาติอินโดนีเซีย คือ ดอกกล้วยไม้ราตรี (Moon Orchid) ซึ่งเป็นหนึ่งในดอกกล้วยไม้ที่บานอยู่ได้นานที่สุด โดยช่อดอกนั้นสามารถแตกกิ่งและอยู่ได้นาน 2-6 เดือน โดยดอกจะบานแค่ปีละ 2-3 ครั้งเท่านั้น ทั้งนี้ดอกกล้วยไม้ราตรีสามารถเจริญเติบโตได้ดีในอากาศชื้น จึงพบเห็นได้ง่ายในพื้นที่ราบต่ำของประเทศอินโดนีเซีย
ดอกไม้ประจำชาติของลาว
                                    
            

 ดอกไม้ประจำชาติประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างประเทศลาว คือ ดอกจำปาลาว (Dok Champa) คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ ดอกลีลาวดี หรือ ดอกลั่นทม โดยดอกจำปาลาวมักมีสีสันหลากหลาย ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นเพียงสีขาวเท่านั้น เช่น สีชมพู สีเหลือง สีแดง หรือสีโทนอ่อนต่าง ๆ โดยดอกจำปาลาวนั้นเป็นตัวแทนของความสุขและความจริงใจ จึงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อประดับประดาในงานพิธีต่าง ๆ รวมทั้งใช้เป็นพวงมาลัยเพื่อรับแขกอีกด้วย
ดอกไม้ประจำชาติของมาเลเซีย
                                  


สำหรับประเทศมาเลเซียนั้น มีดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกพู่ระหง (Bunga Raya) ในภาษาท้องถิ่นเรียกกันว่า บุหงารายอ หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ดอกชบาสีแดง ลักษณะกลีบดอกเป็นสีแดง มีเกสรยื่นยาวออกมาเหนือดอก ซึ่งถูกจัดให้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศมาเลเซีย เพื่อเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นและความอดทนในชาติ โดยเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมให้สูงส่งและสง่างาม รวมทั้งยังสามารถนำไปใช้ในทางการแพทย์และความงามได้อีกด้วย
ดอกไม้ประจำชาติของฟิลิปปินส์
                                    


ดอกไม้ประจำชาติฟิลิปปินส์ คือ ดอกพุดแก้ว (Sampaguita Jasmine) ดอกมีสีขาวกลีบดอกเป็นรูปดาว มีกลิ่นหอม บานส่งกลิ่นในตอนกลางคืน ถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน รวมถึงความเข้มแข็งอีกด้วย เคยถูกนำมาใช้เฉลิมฉลองในตำนานเรื่องเล่ารวมทั้งบทเพลงของฟิลิปปินส์ด้วยเช่นกัน
ดอกไม้ประจำชาติของสิงคโปร์
                                  


ประเทศสิงคโปร์ มี ดอกกล้วยไม้แวนด้า (Vanda Miss Joaquim) เป็นดอกไม้ประจำชาติ โดยดอกกล้วยไม้แวนด้าตั้งชื่อตามผู้ผสมพันธุ์ คือ Miss Agnes Joaquim จัดเป็นดอกกล้วยไม้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในประเทศสิงคโปร์ มีสีม่วงสดสวยงามและเบ่งบานอยู่ตลอดทั้งปี โดยถูกจัดให้เป็นดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์ตั้งแต่ปี ค.ศ.1981 (พ.ศ.2524)
ดอกไม้ประจำชาติของไทย
                                  

ดอกไม้ประจำชาติไทยของเรา ก็คือ ดอกราชพฤกษ์ (Ratchaphruek) ที่มีสีเหลืองสวยสง่างาม เมื่อเบ่งบานแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่น ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมีเกียรติยศศักดิ์ศรี ซึ่งชาวไทยหลายคนรู้จักกันดีในนามของ ดอกคูน โดยมีความเชื่อว่าสีเหลืองอร่ามของดอกราชพฤกษ์คือสีแห่งพระพุทธศาสนาและความรุ่งโรจน์ รวมทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีปรองดองของคนในชาติอีกด้วย โดยดอกราชพฤกษ์จะเบ่งบานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พฤษภาคม มีจุดเด่นเวลาเบ่งบานคือการผลัดใบออกจนหมดต้น เหลือไว้เพียงแค่สีเหลืองอร่ามของดอกราชพฤกษ์เท่านั้น
ดอกไม้ประจำชาติของเวียดนาม
                                    


ประเทศเวียดนาม มีดอกไม้ที่คนไทยคุ้นเคยอย่าง ดอกบัว (Lotus) เป็นดอกไม้ประจำชาติ โดยดอกบัวเป็นที่รู้จักกันในนาม ดอกไม้แห่งรุ่งอรุณเป็ญสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความผูกพัน และการมองโลกในแง่ดี ดอกบัวจึงมักถูกกล่าวถึงในบทกลอนและเพลงพื้นเมืองของชาวเวียดนามอยู่บ่อยครั้ง
ดอกไม้ประจำชาติของพม่า
                                     

       ดอกไม้ประจำชาติของประเทศพม่า คือ ดอกประดู่ (Paduak) เป็นดอกไม้ที่พบมากในประเทศพม่า มีสีเหลืองทอง ผลิดอกและส่งกลิ่นหอมในฤดูฝนแรก ช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ประเทศพม่ามีการเฉลิมฉลองปีใหม่ขึ้น ชาวพม่าเชื่อว่าดอกประดู่คือสัญลักษณ์ของความแข็งแรง ความทนทาน และเป็นดอกไม้ที่ขาดไม่ได้ในพิธีทางศาสนาของชาวพม่าเลยล่ะ




วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2557

ของขวัญปีใหม่

หากนักเรียนจะให้ของขวัญปีใหม่กับเพื่อนเราจะใช่โปรแกรมใดทำชิ้นงานนั้น เหตุผลเพราะอะไร
ผมจะเลือกใช้โปรแกรม Windows  Movie Maker
ทำเป็นภาพเคลื่อนไหววีดีโอประกอบเพลง และเรายังสามารถอัดเสียงของเราใส่เพื่อไปกับภาพวีดีโอที่เราทำขึ้นมาได้ สามารถใส่เอฟเฟคได้หลายอย่างน่าจะทำให้คนที่ได้รับประทับใจ
เหตุผล  เป็นงานที่สามารถทำให้ประทับใจและทำให้คนรับมีความสุขไม่ต้องลงทุนมากแค่ตั้งใจทำผลงานให้ดีที่สุดการให้ของขวัญเป็นเรื่องของจิตใจของทั้งสองฝ่าย เราที่เป็นผู้ให้ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ผู้รับเขาจะได้ เพราะเทศกาลส่งความสุขนี้ปีหนึ่งมีครั้งเดียวการเลือกของที่ถูกใจคนที่เรารักจะสามารถสร้างความประทับใจได้ตลอดทั้งปีเพราะฉะนั้น เวลาที่เราทำชิ้นงานขึ้นมาต้องจะใช้เหตุผล ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ เลือกของขวัญปีใหม่  ที่คิดว่าเหมาสมกับคนที่เราจะให้

วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เขื่อนภูมิพล-ภูมิพัฒน์

เขื่อนภูมิพล

ประวัติเขื่อนภูมิพล                                                          
          เขื่อนภูมิพลเป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งและเป็นเขื่อนอเนกประสงค์ แห่งแรกของประเทศไทย เดิมชื่อเขื่อนยันฮี ต่อมาเมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม 2500 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระปรมาภิไธยให้เป็นชื่อเขื่อนว่า เขื่อนภูมิพล  ลักษณะของเขื่อนเป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย และเอเชียอาคเนย์  และเป็นอันดับ 8 ของโลก สร้างปิดกั้นลำน้ำปิงที่บริเวณเขาแก้ว อำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีรัศมีความโค้ง 250 เมตร สูง 154  เมตร ยาว  486 เมตรความกว้างของสันเขื่อน 6 เมตร อ่างเก็บน้ำสามารถรองรับน้ำได้สูงสุด  3,462  ล้านลูกบาศก์เมตร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯได้เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์การก่อสร้าง เมื่อวันที่24 มิถุนายน 2504 การก่อสร้างในระยะแรกประกอบด้วย งานก่อสร้างตัวเขื่อน ระบบส่งไฟฟ้า และอาคารโรงไฟฟ้า ซึ่งได้ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเครื่องที่ 1-2 กำลังผลิตเครื่องละ 70,000 กิโลวัตต์ สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ เมื่อวันที่17 พฤษภาคมและ15 มิถุนายน 2507 ตามลำดับ
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเขื่อน เมื่อวันที่17 พฤษภาคม 2507 ต่อมาได้มีการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเครื่องที่ 3-6 กำลังผลิตเครื่องละ 70,000 กิโลวัตต์ และเครื่องที่7 กำลังผลิต 115,000 กิโลวัตต์ สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ใน วันที่ 11 พฤษภาคม วันที่ 9 สิงหาคม 2510 วันที่25ตุลาคม วันที่ 19 สิงหาคม 2512 และ วันที่18 ตุลาคม 2525 ตามลำดับ
เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าออกไปในปี พ.ศ.2531การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจึงได้ทำการปรับปรุงเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเครื่องที่ 1-2 ทำให้มีพลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเครื่องละ 6,300 กิโลวัตต์ สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2535 และ พฤศจิกายน 2536 ตามลำดับส่วนการปรับปรุงเครื่องเครื่องที่3-4 มีการปรับปรุงกำลัง ผลิตเท่ากันกับเครื่อง ที่ 1-2 แล้วเสร็จสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และสิงหาคม2540 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ในปี 2534 กฟผ.ได้ติดตั้งกระแสไฟฟ้าเครื่องที่ 8 แบบสูบกลับ ขนาดกำลังผลิต 171,000 กิโลวัตต์ และก่อสร้างเขื่อนแม่ปิงตอนล่าง สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ในเดือน มกราคม 2539 ทำให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนภูมิพลมีกำลังการผลิตติดตั้งทั้งสิ้น 779.2 เมกกะวัตต์ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2545 สามารถ และให้ประโยชน์ในด้านชลประทานแก่พื้นที่ถึง 10 ล้านไร่ ต่อปี 
อ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนจุน้ำได้ 13,462 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื้อที่ผิวน้ำประมาณ 300 ตารางกิโลเมตร ความยาวของลำน้ำจากเขื่อนถึงอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เป็นระยะทาง 207 กิโลเมตร นอกจากประโยชน์ทางด้านพลังงานไฟฟ้าและ ชลประทานแล้ว เขื่อนภูมิพลยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืด
http://www.fisheries.go.th




วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556

คุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต

คุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต
ลินดา เฮอร์นดอน ได้กล่าวถึงบัญญัติสิบประการของการใช้คอมพิวเตอร์ไว้ดังนี้
1. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายผู้อื่น
2. ไม่รบกวนจนงานคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
3. ไม่แอบดูแฟ้มข้อมูลของผู้อื่น
4. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อลักขโมย
5. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเป็นพยานเท็จ
6. ไม่ใช้หรือทำสำเนาซอฟต์แวร์ที่ตนไม่ได้ซื้อสิทธิ์
7. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่มีอำนาจหน้าที่
8. ไม่ฉวยเอาทรัพย์ทางปัญญาของผู้อื่นมาเป็นของตน
9. คิดถึงผลต่อเนื่องทางสังคมของโปรแกรมที่เขียน
10. ใช้คอมพิวเตอร์ในทางที่แสดงถึงความใคร่ครวญและเคารพ
การ ทำงานอินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์ จะทำให้สังคมอินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์จะทำให้สังคมอินเทอร์เน็ต น่าใช้และเป็นประโยชน์ กิจกรรมบางอย่างที่ไม่ควรปฏิบัติจะต้องหลีกเลี่ยง ในการส่งกระจายข่าวลือไปเป็นจำนวนมาบนเครือข่าย การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แบบลูกโซ่ เป็นต้น ดังนั้นนักเรียนควรปฏิบัติตามกฎ กติกา มารยาท หรือ จรรยาบรรณของการรวบรวมเว็บไซด์ต่าง ๆ เอาไว้ เราเพียงแต่ทราบหัวข้อที่ต้องการแล้วเข้าใช้อินเทอร์เน็ตในด้านต่อไปนี้คือ
1.การใช้บริการพูดคุยกันแบบออนไลน์ (Chat )
2.การใช้กระดานข่าวหรือเว็บบอร์ด
3.การใช้บริการพูดคุยกันแบบออนไลน์ (Chat)
บน เครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีบริการโต้ตอบแบบออนไลน์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Chat ดังนั้นในการสนทนาจะต้องมีมารยาท อีกอย่างหนึ่งว่า Chat ดังนั้นในการสนทนาจะต้องมีมารยาทสำคัญดังนี้
4.ควรเรียกสนทนาจากผู้ที่เรารู้จักและต้องการสนทนาด้วย หรือมีเรื่องสำคัญที่จะติดต่อด้วย
5. ควรใช้วาจาสุภาพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน
6.ก่อนเรียกสนทนา ควรตรวจสอบสถานะการใช้งานของคู่สนทนาที่ต้องการเรียก เพราะการเรียกแต่ละครั้งจะมีข้อความไปปรากฎบนจอภาพ ของฝ่ายที่ถูกเรียกซึ่งจะทำให้สร้างปัญหาในการทำงานได้
7.การใช้บริการกระดานข่าวหรือเว็บบอร์ด
บน เครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีบริการกระดานข่าวหรือเว็บบอร์ดให้ผู้ใช้แลกเปลี่ยน ความคิดเห็น หรือข้อมูลข่าวสารถึงกัน ดังนั้นในการใช้ บริการควรเคารพกฎ กติกา มารยาทดังนี้
8.ในการเขียนพาดพิงถึงผู้อื่น ให้ระมัดระวังการระเมิดหรือสร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น
9.ไม่ควรนำข้อความที่ผู้อื่นเขียน ไปกระจายต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเข้าของเรื่อง
10.ไม่ควรใช้ข้อความขบขัน คำเฉพาะ คำกำกวม และคำหยาบคายในการเขียนข่าว
11.ในการเขียนคำถามลงในกลุ่มข่าวจะต้องเขียนให้ตรงกับกลุ่มและเมื่อจะตอบต้องตอบให้ตรงประเด็น
 จริยธรรมในการใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
1. ไม่โฆษณาหรือเสนอขายสินค้า
2. รู้ตัวว่ากำลังกล่าวอะไร
3. ถ้าไม่เห็นด้วยกับหลักพื้นฐานของรายชื่อกลุ่มที่ตนเป็นสมาชิก ก็ควรออกจากกลุ่มไม่ควรโต้แย้ง
4. คิดก่อนเขียน
5. อย่าใช้อารมณ์
6. พยายามอ่านคำถามที่ถามบ่อย (FAQ) ก่อนเสมอ
7. ไม่ส่งข่าวสารที่กล่าวร้าย หลอกลวง หยาบคาย ข่มขู่
8. ไม่ส่งต่อจดหมายลูกโซ่ หรือเมล์ขยะ
9. ถ้าสงสัยไม่ทำดีกว่า
10. รู้ไว้ด้วยว่าสำหรับผู้เขียน คือ บันทึกฉันท์เพื่อน แต่สำหรับผู้รับ คือ ข้อความที่จารึกไว้บนศิลาจารึก
11. ให้ความระมัดระวังกับคำเสียดสี และอารมณ์ขัน
12. อ่านข้อความในอีเมล์ ให้ละเอียดก่อนส่ง ความประณีตและตัวสะกด การันต์ เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง
13. ดูรายชื่อผู้รับให้ดีว่า เขาคือคนที่เราตั้งใจจะส่งไปถึง
ที่มา  : http://linblog21.blogspot.com/
สรุปคุณธรรมจริยธรรม

การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์ถูกต้องจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ต  พฤติกรรมในการประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่ควรปฏิบัติที่ดีงามเหมาะสม  และเป็นที่นิยมชมชอบหรือยอมรับของสังคมเพื่อความสันติสุขแห่งตนเอง และความสงบเรียบร้อยของสังคมส่วนรวม พฤติกรรมเป็นการกระทำ ทางกาย วาจา ใจ อันดีงามที่ควรปฏิบัติ 

วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ความหมายของอินเทอร์เน็ต

อินเทอร์เน็ตหมายถึง



            อินเทอร์เน็ต ( Internet ) คือ เครือข่ายของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าด้วยกัน โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเชื่อมเครือข่าย ภายใต้มาตรฐานการเชื่อมโยงด้วยโปรโตคอลเดียวกันคือ TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol) เพื่อให้คอมพิวเตอร์   ทุกเครื่องในอินเทอร์เน็ตสามารถสื่อสารระหว่างกันได้ นับว่าเป็นเครือข่ายที่กว้างขวางที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากมีผู้นิยมใช้ โปรโตคอลอินเทอร์เน็ตจากทั่วโลกมากที่สุด
อินเทอร์เน็ตจึงมีรูปแบบคล้ายกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบ WAN แต่มีโครงสร้างการทำงานที่แตกต่างกันมากพอสมควร   เนื่องจากระบบ WAN เป็นเครือข่ายที่ถูกสร้างโดยองค์กรๆ เดียวหรือกลุ่มองค์กร เพื่อวัตถุประสงค์ด้านใดด้านหนึ่ง และมีผู้ดูแลระบบที่รับผิดชอบแน่นอน แต่อินเทอร์เน็ตจะเป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์นับล้านๆ เครื่องแบบไม่ถาวรขึ้นอยู่กับเวลานั้นๆ ว่าใครต้องการเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตบ้าง ใครจะติดต่อสื่อสารกับใครก็ได้ จึงทำให้ระบบอินเทอร์เน็ตไม่มีผู้ใดรับผิดชอบหรือดูแลทั้งระบบ
สำหรับคำว่า internet หากแยกศัพท์จะได้ออกมา 2 คำ คือ คำว่า Inter และคำว่า net ซึ่ง Inter หมายถึงระหว่าง หรือท่ามกลาง และคำว่า Net มาจากคำว่า Network หรือเครือข่าย เมื่อนำความหมาย ของทั้ง 2 คำมารวมกัน จึงแปลได้ว่า การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย

ประวัติความเป็นมา
อินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นโครงการของ ARPAnet(Advanced Research Projects Agency Network) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สังกัด กระทรวงกลาโหม ของสหรัฐ (U.S.Department of Defense - DoD) ถูกก่อตั้ง เมื่อประมาณ ปีค.ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพัฒนาเรื่อยมา
ค.ศ.1969(พ.ศ.2512) ARPA ได้รับทุนสนันสนุน จากหลายฝ่าย ซึ่งหนึ่งในผู้สนับสนุนก็คือ Edward Kenedy และเปลี่ยนชื่อจาก ARPA เป็น DARPA(Defense Advanced Research Projects Agency) พร้อมเปลี่ยนแปลงนโยบายบางอย่าง
และในปีค.ศ.1969(พ.ศ.2512)นี้เองที่ได้ทดลองการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์คนละชนิด จาก 4 แห่ง เข้าหากันเป็นครั้งแรก คือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และมหาวิทยาลัยยูทาห์ เครือข่ายทดลองประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นในปีค.ศ.1975(พ.ศ.2518) จึงได้เปลี่ยนจากเครือข่ายทดลอง เป็นเครือข่ายที่ใช้งานจริง ซึ่ง DARPA ได้โอนหน้าที่รับผิดชอบ โดยตรง ให้แก่ หน่วยการสื่อสารของกองทัพสหรัฐ (Defense Communications Agency - ปัจจุบันคือ Defense Informations Systems Agency) แต่ในปัจจุบัน Internet มีคณะทำงานที่รับผิดชอบบริหาร เครือข่ายโดยรวม เช่น ISOC (Internet Society) ดูแลวัตถุประสงค์หลัก, IAB (Internet Architecture Board) พิจารณาอนุมัติมาตรฐานใหม่ในInternet, IETF (Internet Engineering Task Force) พัฒนามาตรฐานที่ใช้กับ Internet ซึ่งเป็นการทำงานโดยอาสาสมัคร ทั้งสิ้น
ค.ศ.1983(พ.ศ.2526) DARPA ตัดสินใจนำ TCP/IP (Transmission Control Protocal/Internet Protocal) มาใช้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ ทำให้เป็นมาตรฐานของวิธีการติดต่อ ในระบบเครือข่าย Internet จนกระทั่งปัจจุบัน จึงสังเกตุได้ว่า ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่จะต่อ internet ได้จะต้องเพิ่ม TCP/IP ลงไปเสมอ เพราะ TCP/IP คือข้อกำหนดที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทั่วโลก ทุก platform คุยกันรู้เรื่อง และสื่อสารกันได้อย่างถูกต้อง
การกำหนดชื่อโดเมน (Domain Name System) มีขึ้นเมื่อ ค.ศ.1986(พ.ศ.2529) เพื่อสร้างฐานข้อมูล แบบกระจาย (Distribution database) อยู่ในแต่ละเครือข่าย และให้ ISP(Internet Service Provider) ช่วยจัดทำฐานข้อมูลของตนเอง จึงไม่จำเป็นต้องมีฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์ เหมือนแต่ก่อน เช่น การเรียกเว็บ www.yonok.ac.th จะไปที่ตรวจสอบว่ามีชื่อนี้ หรือไม่ ที่ www.thnic.co.th ซึ่งมีฐานข้อมูล ของเว็บที่ลงท้ายด้วย th ทั้งหมด เป็นต้น
DARPA ได้ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลระบบ internet เรื่อยมาจนถึง ค.ศ.1980(พ.ศ.2533) และให้ มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation - NSF) เข้ามาดูแลแทนร่วม กับอีกหลายหน่วยงาน
ในความเป็นจริง ไม่มีใครเป็นเจ้าของ internet และไม่มีใครมีสิทธิขาดแต่เพียงผู้เดียว ในการกำหนดมาตรฐานใหม่ต่าง ๆ ผู้ติดสินว่าสิ่งไหนดี มาตรฐานไหนจะได้รับการยอมรับ คือ ผู้ใช้ ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก ที่ได้ทดลองใช้มาตรฐานเหล่านั้น และจะใช้ต่อไปหรือไม่เท่านั้น ส่วนมาตรฐานเดิมที่เป็นพื้นฐานของระบบ เช่น TCP/IP หรือ Domain name ก็จะต้องยึดตามนั้นต่อไป เพราะ Internet เป็นระบบกระจายฐานข้อมูล การจะเปลี่ยนแปลงระบบพื้นฐาน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ไอที (IT) กำลังได้รับ ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology)จะเป็นตัวที่ทำให้ เกิดความรู้ วิธีการประมวลผล การจัดเก็บรวบรวมข้อมูล การเรียกใช้ข้อมูล ตลอดจนการเรียกใช้ข้อมูล ด้วยวิธีการทางอิเล็คทรอนิคส์ เมื่อเราให้ความสำคัญกับเ ทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ความจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือในการใช้งานไอที เครื่องมือนั้นก็คือเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ สื่อสารโทรคมนาคม อินเตอร์เน็ตนับว่าเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หรือไอที เพราะเราสามารถที่จะใช้งาน หาข้อมูลข่าวสาร และเข้าถึงข้อมูล ได้ด้วยเวลาอันรวดเร็ว อินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลเรื่องราวต่างๆ มากมาย ให้เราค้นหา ข่าวสารที่ทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลกเราสามารถที่จะทราบได้ทันที จึงนับได้ว่า อินเตอร์เน็ตนั้นเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ทั้งในระดับองค์กรและในระดับบุคคล 

ข้อดี ข้อเสียของอินเตอร์เน็ต

ข้อดีของอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ตประกอบไปด้วยบริการที่หลากหลาย   ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการมากมาย ดังต่อไปนี้
                1. ค้นคว้าข้อมูลในลักษณะต่างๆ เช่น งานวิจัย บทความในหนังสือพิมพ์ ความก้าวหน้าทางกาแพทย์ ฯลฯ ได้จากแหล่งข้อมูลทั่วโลก เช่น ห้องสมุด สถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาในการเดินทางและสามารถสืบค้นได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
2. ติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วจากการรายงานข่าวของสำนักข่าวต่างๆ อยู่ รวมทั้งอ่านบทความเรื่องราวที่ลงในนิตยสารหรือวารสารต่างๆ ได้ฟรีโดยมีทั้งข้อความและภาพประกอบด้วย
                3. รับส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเงินค่าตราไปรษณียากร ถึงแม้จะเป็นการส่งข้อความไปต่างประเทศก็ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นเหมือนการส่งจดหมาย การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์นี้นอกจากจะส่งข้อความตัวอักษรแบบจดหมายธรรมดาแล้ว ยังสามารถส่งแฟ้มภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียงพร้อมกันไปได้ด้วย
4. สนทนากับผู้อื่นที่อยู่ห่างไกลได้ทั้งในลักษณะการพิมพ์ข้อความและเสียง
5. ร่วมกลุ่มอภิปรายหรือกลุ่มข่าวเพื่อแสดงความคิดเห็น หรือพูดคุยถกปัญหากับผู้ที่สนใจในเรื่องเดียวกัน เป็นการขยายวิสัยทัศน์ในเรื่องที่สนใจนั้นๆ
6. ถ่ายโอนแฟ้มข้อความ ภาพ และเสียงจากที่อื่นๆ รวมทั้งโปรแกรมต่างๆ ได้จากแหล่งที่มีผู้ให้บริการ
7. ตรวจดูราคาสินค้าและสั่งซื้อสินค้ารวมทั้งบริการต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปห้างสรรพสินค้า
8. ให้ความบันเทิงหลายรูปแบบ   เช่น  การฟังเพลง รายการวิทยุ การชมรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ รวมไปถึงการแข่งขันเกมกับผู้อื่นได้ทั่วโลก 
9. ติดประกาศข้อความที่ต้องการให้ผู้อื่นทราบได้อย่างทั่วถึง
10. ให้เสรีภาพในการสื่อสารทุกรูปแบบแก่บุคคลทุกคน

ข้อเสียของอินเทอร์เน็ต
ถึงแม้อินเทอร์เน็ตจะก่อให้เกิดผลดีต่อผู้ใช้มากมาย   แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการ   ดังต่อไปนี้
1. อินเทอร์เน็ตเป็นข่ายงานขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ทุกคนจึงสามารถสร้างเว็บไซด์หรือติดประกาศข้อความได้ทุกเรื่อง บางครั้งข้อความนั้นอาจจะเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ได้รับการรับรอง เช่น ข้อมูลด้านการแพทย์หรือผลการทดลองต่างๆ จึงเป็นวิจารณญาณของผู้อ่านที่จะต้องไตร่ตรองข้อความที่อ่านนั้นด้วยว่าควรจะเชื่อถือได้หรือไม่
 2. นักเรียนและเยาวชนอาจติดต่อเข้าไปในเว็บไซด์ที่ไม่เป็นประโยชน์หรืออาจยั่วยุอารมณ์ ทำให้เป็นอันตรายตัวตัวเองและสังคม